Social Icons

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

มาทำความรู้จักชีวิตที่พอเพียงกัน

               หลายคนคงเคยได้ยินกับคำว่าพออยู่ พอกิน เศรษฐกิจพอเพียง ตามแนว พระราชดำรัสของในหลวง แต่จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจอย่างถ่องแท้ และยึดนำไปปฏิบัติ จริงๆแล้วเศรษฐกิจพอเพียง มันไม่ได้มีความหมายพิศดารเกินการใช้ชีวิตแบบรากเง่าของมนุษย์เราเลย   จริงๆแล้วมันก็คือการใช้ชีวิตแบบปู่ ย่า ตา ยาย  ของเรานั่นเอง โดยที่เราไม่ต้องหลงไปตามกระแสของวัตถุนิยมของโลกปัจจุบัน 




               ผมเคยนั่งคิดอยู่วันละหลายรอบเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง  อยู่แบบ ปู่ ย่า ตา ยาย ที่เคยใช้ชีวิตอยู่แต่เก่าก่อน ซึ่งถ้าผมตัดสินใจที่จะลาออกจากงาน แล้วมุ่งหน้าสู่ถิ่นฐานบ้านเกิดเพื่อจะไปใช้ชีวิตแบบรากเหง้าของตัวเองนั้น ผมจะอยู่รอดหรือไม่  ลาออกจากงานแล้วจะจะมีชีวิตที่ดีหรือไม่  จะอดตายหรือไม่ หนี้สินที่สร้างไว้แบบไม่น้อยหน้าใครจะทำอย่างไรถึงจะมีรายได้มาใช้หนี้เหล่านี้  จากบทความเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่ผมเคยอ่าน  บ้างก็บอกว่า  "ก็อยู่แบบพอเพียงนี่แหละถึงจะใช้หนี้หมด"   บ้างก็บอกว่า "อยู่แบบพอเพียงนี่แหละถึงจะรวย"

                แต่ก็มีหลายคนบอกว่า การที่เราจะรวยนั้นมันไม่สำคัญคัญเท่ากับความสุขที่เราได้รับจากการที่ไม่ต้องใ้ห้ใครมาชี้นิ้วสั่งงาน  ไม่ต้องมาแหกขี้ตาตื่นตอนเช้าเพราะเสียงนาฬิกาปลุก หรือเพียงเพราะเบี้ยขยันไม่กี่ร้อยบาทที่พวกนายจ้างเอามาหลอกล่อให้เรามาเข้างานตรงเวลา หรือไม่ขาดไม่ลา  ซึ่งความสุขเล็กๆน้อยๆจากเงินเดือน เงินโบนัส เบี้ยขยันหรือรางวัลทั้งหลายเหล่านี้  ทำให้เราต้องทนทำงานหน้าแดงหน้าดำตั้งแต่ต้นเืดือนจนสิ้นเดือนกระนั้นหรือ
              
              โจน จันได  ผู้ปลีกตัวออกจากสังคมเมืองแบบไม่ใยดี  กล่าวว่า  " เราต้องทำงานทั้งวัน วันละ 8 ชั่วโมงเพียงเพราะค่ากับข้าวไม่กี่มื้อกระนั้นหรือ ก็ในเมื่อเราก็มามารถที่จะทำงานแค่วันละไม่ถึง 30 นาที ในการปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ เราก็สามารถเลี้ยงครอบครัวเล็กๆได้แล้ว "

            มาร์ติน  วีลเลอร์  ฝรั่งชนชั้นกลางจากเมืองผู้ดี  หรือประเทศอังกฤษ    มาเป็นชาวนาในภาคอีสาน จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า " คนไทยไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง เห็นชาวต่างชาติดีกว่า เห็นคุณค่าในวัตถุนิยม อะไรที่เป็นของต่างชาตินั้นดีหมดของไทยสู้ไม่ได้ ทั้งๆที่คนไทยมีอะไรดีๆกว่าฝรั่งตั้งเยอะ"

                 หัวโขนที่เขาสวมใส่ให้นั้น  บางคนก็หลงระเริงไปกับบทบาทหน้าที่ที่เขามอบหมายให้  มีลูกน้องก็คิดว่าเขาเป็นขี้ข้าตัวเอง  แต่จริงๆแล้วมันก็ขี้ข้าเหมือนกันทั้งนั้น  ภาษาฝรั่งสอนกันเข้าไป เรียนกันเข้าไป   สื่อสานกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็พูดกันเข้าไป  ขนาดภาษาไทยมันยังพูดกันไม่รู้เรื่อง  มาร์ติน วีลเลอร์ กล่าวว่า  "มันเป็นภาษาของพวกขี้ข้า เรียนไปเพื่อที่จะไปเป็นขี้ข้า  คนที่เขาไม่อยากเป็นขี้ข้าเขาไม่เรียนหรอก"  มันก็ใช่นะคนที่เรียนภาษาฝรั่งก็เพียงเพื่อจะไปเป็นขี้ข้าทั้งนั้น ถ้าคนที่เขาไม่อยากเป็นขี้ข้า  เขาต้องพูดภาษาของตัวเองได้อย่างเต็มภาคภูมิ 

                  การที่จะอยู่อย่างพอเพียงนั้น มันก็แค่เราหันกลับมามองตนเองว่า เราต้องการอะไรในการดำรงชีวิต มีเท่าที่จำเป็นต้องใช้  กินเท่าที่ร่างกายต้องการ ไม่ใช่เพราะกระแสนิยม หรือกลัวสังคมเขาไม่ยอมรับจึงต้องมีและต้องเป็นอย่างคนอื่น  คนไทยเรามักจะมองแต่คนต่างชาติว่าเขาดีไปซะทุกอย่าง อะไรที่เป็นแบบไทยๆหรือภูมิปัญญาแบบไทยๆ ก็หาว่าโบร่ำโบราณล้าสมัยไป จึงต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้เหมือนอย่างเขาจึงจะถือว่าเป็นชาติที่พัฒนา  

                      หลักสูตรการเรียนสมัยใหม่ยิ่งเรียนก็ยิ่งโง่ สอนกันเข้าไป เรียนกันเข้าไป ในหลักสูตรไม่ได้สอนให้คนรู้จักพึ่งตนเอง สอนให้คนไปเป็นขี้ข้า ถ้าไม่เป็นขี้ข้าก็ไม่รู้จะไปทำมาหากินกันยังไง จบออกมาตกงานมีอย่างที่ไหน มีความรู้แล้วตกงานได้อย่างไร  หาเลี้ยงตัวเองไม่ได้ บ้างก็ฆ่าตัวตายเพราะเครียดหางานทำไม่ได้  ทำไมคนๆหนึ่งจบออกมาแล้วต้องทำงานได้แค่อย่างเดียวจบคอมพิวเตอร์ทำไมต้องทำงานได้แค่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อย่างเดียวแถมต้องพ่วงประสบการณ์อีก ถ้าตำแหน่งงานไม่ว่างก็ตกงานทำมาหากินไม่ได้  ผมมานั่งนึกว่าทำไมรุ่นปู่ รุ่นย่า หรือรุ่นพ่อรุ่นแม่ของเรา จบแค่ ป. 4 ทำไมเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียได้  ทำไมคนๆเดียวมีวิชาชีพตั้งหลายอย่าง  ทำไมทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง ทำนา เลี้ยงสัตว์ จักรสาน ทำวัสดุอุปกรณ์ไว้ใช้เอง  สร้างบ้าน รู้จักยาสมุนไพร รู้จักทำเครื่องนุ่งหุ่มไว้ใช้เอง ทำไมทำได้  แต่ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงทำไมได้  อย่ากระนั้นเลยแค่ร้านอาหารปิด เซเว่นปิด มื้อนั้นหลายๆชีวิตในเมืองกรุงเป็นต้องอด

                     นานาทัศนะเกี่ยวกับวิถีพอเพียง  เราจะอยู่ที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นอาชีพเกษตรกรรม ไม่จำเป็นต้องไปทำเสื้อผ้าไว้ใช้เอง ไม่จำเป็นต้องสร้างบ้านไว้อยู่เอง ไม่จำเป็นต้อง ผลิตยาสมุนไพรไว้ใช้เอง กล่าวโดยรวมไม่จำเป็นต้องทำอะไรเองเสียทุกอย่าง แค่มีความสุขกับสิ่งที่ทำ ไม่สร้างความวุ่นวายเดือดร้อนให้กับใคร  ไม่ตามกระแสนิยมอยากมีอยากได้ อยากมีอยากเป็นเหมือนคนอื่นเขาซะทุกอย่างไป   ภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองมีตัวเองเป็นและเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็เพียงพอ...




                  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 

Sample text

Sample Text

Sample Text